[TransFiction] Inquistiveness [MonstaX]
Couple: hyungwonho (Wonho x Hyungwon), Minhyuk x Kihyun 3,330 words Rate: M Vampire AU
(คำนาม) ได้รับการสอบถาม การสืบหา และการแสวงหาความรู้
--
NOTE: - Translated into Thai from the original fiction of @vampirehansol http://archiveofourown.org/works/4999546 - ฟิคที่ถูกแปลทั้งหมดทางเราได้รับอนุญาตจากผู้แต่งแล้วเป็นที่เรียบร้อย โดยทุกเรื่องและทุกตอนจะมีการแนบลิ้งค์ไปยังต้นฉบับ ขออภัยหากมีข้อผิดพลาด
- เป็นตอนต่อจาก Desperation นะคะ อ่านตอนก่อนหน้าได้ที่นี่ค่ะ http://sweet-hwh.tumblr.com/post/137548589095/transfiction-desperation-monsta-x
--
"แกเป็นใคร?"
วอนโฮเลิกคิ้ว เอียงหัว ยิ้มเป็นเชิงถามคนตรงหน้าว่าล้อเล่นกันรึเปล่า? "ผมเป็นใครเหรอ?" เขาถามซ้ำ แล้วสูดหายใจ "ผมคาดว่าพวกคุณที่อยู่ทางเหนือคงจะไม่รู้จักสินะ ช่างเถอะ ผมชินวอนโฮ และขอบคุณที่ยอมให้ผมผ่านเข้ามา"
แวมไพร์ที่เฝ้าหน้าประตูเชิดริมฝีปาก "ไม่เห็นเคยได้ยิน บอสไม่มีนัดกับแก ถ้ามีฉันก็ต้องรู้"
"บางอย่างก็ไม่จำเป็นต้องนัดล่วงหน้าครับ" วอนโฮกล่าวอย่างสุภาพ แวมไพร์ตรงหน้าถอนหายใจ
"เดี๋ยวฉันจะเข้าไปถามบอส รออยู่ตรงนี้"
วอนโฮพยักหน้าเข้าใจ มองแวมไพร์หายเข้าไปในแมนชั่นขนาดใหญ่ซึ่งวอนโฮก็รู้ดีว่าเป็นแค่ฉากบังหน้าเพื่อซ่อนรังใต้ดิน แวมไพร์แต่กำเนิดส่วนหนึ่งจะขึ้นมาบนพื้นดินได้ แต่แวมไพร์ที่มีพลังมากอย่างเช่นบอสของที่นี่จะไม่ขึ้นมา ไม่จำเป็นแล้ว และด้วยความสัตย์จริง วอนโฮรู้สึกแปลกๆ ที่ได้ขึ้นมาบนพื้นดินอีกครั้งหลังจากไม่ได้มาเป็นเวลาเกือบปี เพราะฮยองวอนและคนอื่นๆ มักจะลงไปหาเขาแทนที่จะเป็นไปในทางกลับกัน
วอนโฮมองภายนอกของตัวอาคาร ซุ้มหินอ่อนตั้งตระหง่านอยู่เหนือศีรษะของเขา เขาสงสัยว่ามันจะราคาแพงขนาดไหน แล้วเจ้านายของที่นี่สร้างมันขึ้นมาหรือว่ามีอยู่แล้วกันนะ แล้วมันอยู่มานานเท่าไหร่แล้ว มันคงจะเป็นคำถามที่ดีทีเดียวถ้าวอนโฮไม่ได้มาเพื่อคุยธุระสำคัญอย่างวันนี้
ฮยองวอนเล่าเรื่องเพื่อนฮันเตอร์คนใหม่ที่เขาได้พบให้วอนโฮได้ฟังคืนก่อน และถามว่าพอจะมีหนทางไหนที่จะสามารถช่วยกีฮยอนได้บ้าง และเขาก็ตอบไปว่ามี จริงๆ แล้วเขามีเพื่อนที่รู้จักกันมานานซึ่งเป็นบอสของรังแห่งนี้ มิตรภาพของพวกเขาลดลงไปเมื่อประมาณห้าสิบปีที่ผ่านมา ไม่มีการติดต่อจากทั้งสองฝั่ง และวอนโฮเองก็สบายใจที่จะปล่อยให้เป็นแบบนั้น มันไม่เป็นการดีเท่าไหร่ที่เราจะไปวุ่นวายกับการผูกมิตรไปทั่วเมื่อเราเป็นแวมไพร์ที่ค่อนข้างทรงพลัง อย่างเช่นเขาหรือบอสคนนี้ มันจะดีกว่าที่จะใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็จะถึงเวลาอันสมควรที่เราจะจบชีวิตลงด้วยฝีมือของตัวเองหรือใครสักคน
เขาหลุดจากภวังค์ความคิดเมื่อประตูไม้โอ๊คบานใหญ่เปิดออกอีกครั้ง แวมไพร์คนเมื่อกี้โผล่หัวออกมาบอกว่า "บอสบอกให้เข้ามาได้"
ข้างในแมนชั่นนี้สวยกว่าข้างนอกซะอีก และวอนโฮคงจะประเมินขนาดของรังที่นี่ผิดไปหน่อยซะแล้ว เพราะมีแวมไพร์หลายตนนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นที่เขากำลังเดินเข้าไป พวกนั้นเป็นแวมไพร์แต่กำเนิดทั้งหมด วอนโฮบอกได้จากเสียงหัวใจเต้นที่เขาได้ยิน แวมไพร์เหล่านั้นมองมาทางเขาอย่างข้องใจ เพราะวอนโฮก็เป็นประเภทเดียวกันและพวกเขาคงจะสงสัยว่าวอนโฮมีธุระอะไรที่นี่
เขามอบยิ้มให้กับแวมไพร์เหล่านั้น และเห็นหลายตนหน้าเปลี่ยนสีชมพู ทั้งผู้ชายและผู้หญิง ก็รู้สึกภูมิใจดีนะ
แวมไพร์เดินนำวอนโฮออกจากห้องนั่งเล่นไปสู่สิ่งที่คล้ายๆ จะเป็นห้องรับแขก มันทำให้วอนโฮนึกถึงบ้านของตัวเองเมื่อก่อน นานมาแล้ว เขามั่นใจว่าเขาเคยเห็นภาพวาดที่อยู่เหนือเตาผิงนั่นมาก่อนแน่ๆ
แวมไพร์ดึงพรมที่อยู่ใต้เท้าวอนโฮและทำให้เขาสะดุด ก่อนที่เขาจะก้าวออกไปและพึมพำขอโทษ แวมไพร์ตนนั้นไม่ได้สนใจและโยนพรมออกไปข้างๆ เผยให้เห็นประตูกลที่ทำมาจากไม้เนื้อแข็ง แน่ล่ะ
วอนโฮสงสัยนิดหน่อยว่าทำไมพรมถึงกลับมาอยู่ที่เดิมถ้าคุยกับหัวหน้าแล้ว แต่เขาก็ตัดสินใจที่จะไม่สนใจมัน
ผู้นำทางของวอนโฮเปิดประตู ติดขัดเล็กน้อย เขาผายมือให้วอนโฮลงไปก่อน วอนโฮเห็นบันไดทอดยาวลงไป แต่สุดท้ายปลายทางก็คือความมืดอยู่ดี เขาลงมาอย่างสบายๆ และเอามือล้วงกระเป๋าในระหว่างที่รอให้ผู้นำทางตามลงมา สายตาปรับเข้ากับความมืดได้อย่างรวดเร็วและเขาเห็นว่าผู้นำทางอยู่ๆ ก็เดินหายไปตามทางเดิน
"ขอโทษนะครับ ขอรบกวนถามอะไรหน่อย" วอนโฮกล่าว พยายามเดินให้ทัน "คุณชื่ออะไร?"
"ผมเหรอ?" แวมไพร์ที่อยู่ตรงหน้าถามย้ำเพื่อความแน่ใจ เสียงตอบตกลงของวอนโฮดังก้องภายในโถงทางเดิน "ซุนยอง มีอะไรรึเปล่า?"
"อ่า ไม่มีอะไรครับ คือผมไม่ได้เจอซึงชอลมานานแล้ว ผมเลยอยากจะทราบว่าเขาอยู่กับใครบ้าง" วอนโฮตบมือที่หน้าขาตัวเองอย่างใจลอย มองรอบๆ โถงทางเดินที่จืดชืด
ที่ปลายของทางเดินก็พบกับห้องขนาดใหญ่ที่มีระดับมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ชั้นหนังสือขนาดใหญ่ทอดยาวขึ้นไปจรดเพดานสูง และพรมอยู่ใต้เฟอร์นิเจอร์ที่ตั้งอยู่ส่วนกลางของห้อง เป็นครั้งแรกที่วอนโฮไม่ได้สนใจสิ่งของ แต่กลับมองไปที่บุคคลที่อยู่ที่นั่นแทน
เขาเห็นซึงชอลก่อนเป็นคนแรก ผมของเขาไม่ใช่สีเงินแต่กลับมาเป็นสีดำอีกครั้งแล้ว ดวงตาที่ดูเหนื่อยแต่ยังคงไว้ซึ่งความอ่อนโยน ซึงชอลลุกขึ้นเมื่อวอนโฮก้าวเข้ามาหา ใบหน้าเปื้อนยิ้ม และกอดวอนโฮอย่างอบอุ่น
"วอนโฮ" ซึงชอลกล่าว เสียงของเขาดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ไม่ใช่แวมไพร์ที่วอนโฮเคยรู้จักอีกแล้ว แต่ภายนอกยังเหมือนเดิม "ดีใจที่ได้เจอนายนะ ลมอะไรหอบมาล่ะเนี่ย?"
"ผมมีธุระที่จะต้องคุยกับคุณ เอ่อ... ขอ-- ขอคุยกันตามลำพังได้ไหม?" วอนโฮถาม พลางมองไปที่แวมไพร์ตนอื่นๆ ที่นั่งร่วมในห้อง
ซึงชอลผายมือเพื่อให้พวกเขาลุกและออกจากห้องไป แวมไพร์เหล่านั้นทำตามอย่างรวดเร็ว ซึงชอลกลับไปนั่งที่โซฟาและวอนโฮนั่งลงตรงข้ามเขา "มีธุระอะไรรึ วอนโฮ?"
"ผมมี... ผมมีแฟน ชื่อฮยองวอนน่ะ แล้วมีฮันเตอร์คนหนึ่งมาหาเขา... ผมก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่" วอนโฮเกาท้ายทอย พยายามนึกย้อนไปว่าฮยองวอนเล่าอะไรให้เขาฟังบ้าง "เหมือนกับว่าคู่หูของฮันเตอร์คนนั้นจะ-- เหมือนจะโดนฆ่า หรือไม่ก็อาจจะถูกเปลี่ยน แล้วเขาก็กำลังหาคำตอบ แต่ฮยองวอนเองก็ไม่รู้ เขาเลยมาถามผมว่าจะพอติดต่อใครเพื่อสืบเรื่องนี้ได้บ้าง ก็นะ"
"แล้วพวกเขาไปลาดตระเวนกันถึงไหน? บางทีอาจจะพอมีคนที่ฉันรู้จักพอจะช่วยอะไรได้" ซึงชอลเอนหลังลงพิงโซฟา มองวอนโฮด้วยสายตาง่วงๆ
"ผมก็ไม่รู้สิ เหมือนจะลงไปทางใต้ เลยกวางจูไป คิดว่านะ แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น"
"แล้วชื่อของฮันเตอร์พวกนั้น?"
"ยูกีฮยอนคือคนที่ยังมีชีวิตอยู่ และอีกคนที่คาดว่าตายแล้วชื่อลีมินฮยอก"
ใบหน้าของซึงชอลครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนจะอ้าปาก พยักหน้า "ชื่อคุ้นอยู่นะ เหมือนฉันจะเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน... บางทีอาจจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นทางใต้ที่ฉันเคยได้ยินข่าว ฉันจะติดต่อกลับไปแน่นอนถ้ามีข้อมูลเพิ่มเติม แต่..." ซึงชอลยกยิ้มมุมปาก "แฟนเหรอ?"
วอนโฮเผลอยิ้มออกมา รู้สึกอบอุ่นไปทั้งร่างกาย "ใช่ แฟน เขาเป็น-- เอ่อ เป็นมนุษย์น่ะ"
"ฉันกะแล้ว มีแค่นายเท่านั้นแหละที่จะอ่อนโยนกับมนุษย์น่ะ" ซึงชอลยืดตัวตรง หันหน้ามาหาวอนโฮ "เจอกันได้ยังไง?"
วอนโฮถอนหายใจ นึกย้อนไป "ผม... ผมเจอเขา ในคืนนึง เขากำลังเดินกลับจากมหา'ลัย เขาช่างงดงาม ซึงชอล แม้ว่าผมจะเอารูปเขาให้คุณดู คุณก็คงไม่เข้าใจว่าสำหรับผมเขางดงามมากขนาดไหน ผมไม่-- ฉันไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่ากำลังทำอะไรอยู่ ผมเฝ้าดูเขาเป็นอาทิตย์ และสุดท้ายก็ฉุดเขาเข้าไปในตรอก บอกว่าฉันมีไอเดีย ผมไม่รู้ว่าเขากลัวไหม แต่เขาตกลง... แล้วเขาก็ชอบผม เราเป็นเพื่อนกัน สุดท้ายก็กลายมาเป็นคนรัก"
ซึงชอลยิ้ม "น่ารักจริงๆ ฉันดีใจที่นายเจอใครสักคน แต่นายมาถึงที่นี่ คงจะต้องใช้เวลาค่อนข้างมากในการเดินทางกลับก่อนเวลาฟ้าสาง นายยังใช้เบอร์โทรศัพท์เดิมอยู่รึเปล่า เผื่อฉันจะมีธุระติดต่อ"
"ไม่ครับ ผมย้ายที่อยู่ไปสองครั้งแล้วหลังจากตอนนั้น" วอนโฮล้วงกระเป๋า แล้วโชคดีจริงๆ ที่เจอกระดาษและปากกา เขาจดเบอร์โทรศัพท์ให้ "โทรหาผมถ้าคุณทราบอะไรเพิ่มเติม หรือถ้าอยากจะคุยเฉยๆ ก็ได้"
ซึงชอลพยักหน้า มองเบอร์โทรศัพท์บนกระดาษ "โอเค ได้เลย ดีใจที่ได้เจอนายนะ วอนโฮ"
--
วอนโฮตื่นขึ้นมาเพราะเสียงโทรศัพท์ ตอนแรกเขากะจะไม่รับ แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าอาจจะเป็นซึงชอล เขายันตัวขึ้นด้วยศอกข้างเดียว เอื้อมผ่านฮยองวอนเพื่อไปเอาโทรศัพท์ กรอกเสียงง่วงๆ ทักทายปลายสาย
"อ่า... วอนโฮเหรอ?" ปลายสายเป็นซึงชอลจริงๆ ด้วย "ขอโทษนะ ฉันคาดว่านายคงหลับอยู่ ฉันก็เพิ่งตื่นเหมือนกัน แต่... ฉันมีข้อมูลสำคัญที่จะต้องบอกนาย"
"ไม่เป็นไร มีอะไรเหรอ?"
"ฉันมีเพื่อนที่อยู่ใกล้ๆ กับนาย จีฮุนกับ... คือ เมื่อเร็วๆ นี้ มันมีบางอย่างทำให้คนที่รังของเขา เอ่อ ต้องถูกดูแล เพราะมีพฤติกรรมเสี่ยงน่ะ"
วอนโฮรู้ว่า 'ถูกดูแล' หมายถึง 'ถูกจับแยกชิ้นส่วนแล้วเผาไฟ' "อ่าฮะ แล้วไงต่อ?"
"เท่าที่รู้มา พฤติกรรมเสี่ยงที่ว่าหมายถึงเขาอยากจะสร้างรังของตัวเอง หรือไม่ก็อยากได้เพื่อน แต่ ก็แน่นอน เขาพยายามจะเปลี่ยนคนพวกนั้น มีแค่สามคนที่รอด... จีฮุนเลยเก็บพวกเขาไว้เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ออกไปทำร้ายใคร และเขาเชื่อว่าหนึ่งในนั้นจะใช่มินฮยอกที่นายตามหา"
วอนโฮสูดหายใจเข้า พยักหน้าแม้ว่าซึงชอลจะไม่เห็น "โอเค โอเค แล้ว-- แล้วเมื่อไหร่เราจะมั่นใจว่าเป็นเรื่องจริง?"
"ฉันให้เบอร์นายกับจีฮุนไปตอนที่เขาโทรมาหาฉัน ฉันเพิ่งวางสายจากเขาไปเมื่อกี้นี่เอง... ฉันไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงต้องโทรมาตอนหกโมงเช้า แต่ ยังไงซะ เขาบอกว่าเขาจะโทรหานายเมื่อทุกอย่างลงตัวแล้ว... แต่เขายังบอกอีกว่ามันก็แล้วแต่ว่ามินฮยอกอยากจะติดต่อกลับด้วยรึเปล่า"
"อืม แน่นอน ผมคาดว่ามันคงจะยากที่จะกลับมาเจอคู่หูของตัวเองหลังจากถูกเปลี่ยนเป็นแวมไพร์แล้ว แย่นะ ผมหวังว่าเขาจะไม่เป็นไร"
"ใช่ อืมม ฉันจะให้นายไปนอนต่อแล้วล่ะ ขอให้เป็นวันที่ดีนะ วอนโฮ"
"เช่นกันครับ"
วอนโฮยังคงให้โทรศัพท์แนบที่แก้มของเขา ก่อนจะถอนหายใจออกมา ฮยองวอนขยับตัวอยู่ข้างๆ เขา ยกเท้าขึ้นมาลูบข้อเท้าข้างหนึ่งของวอนโฮ
"เมื่อกี้คุยกับใครเหรอ?" ฮยองวอนพึมพำ รู้เลยว่าเพิ่งตื่น
วอนโฮลูบผมนุ่มของคนข้างๆ ยิ้มเมื่ออีกคนขยับเข้ามาใกล้มือของเขา "ซึงชอลน่ะ บอสของรังที่ใหญ่ที่สุดในโซล ผมไปเจอเขามาเมื่ออาทิตย์ก่อน ที่ผมเล่าให้ฟังไง"
"อืมม ใช่ เขารู้อะไรบ้างรึยัง?"
"ครับ แน่นอน เดี๋ยวเราจะได้รู้มันในเร็วๆ นี้ แต่คิดว่าเจอมินฮยอกแล้ว" วอนโฮกล่าวเพิ่ม "อย่าเพิ่งบอกกีฮยอนนะ เพราะเราก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่ แต่... ขอรูปมินฮยอกมาจากเขาด้วยก็ดี เผื่อไว้ เราจะได้แน่ใจ"
ฮยองวอนพยักหน้าแล้วหลับต่อ วอนโฮสงสัยว่าคนตรงหน้าเขาจะจำบทสนทนาเมื่อครู่ได้หรือไม่ แต่เขาก็เต็มใจที่จะทวนมันอีกครั้งอยู่ดี
--
เพียงแค่เจอลีจีฮุนแค่ไม่กี่นาที วอนโฮสามารถบอกได้เลยว่า หนึ่ง เขาอาจจะเป็นคนที่ตัวเล็กที่สุดที่เขาเคยพบมา สอง เป็นคนที่มีพลังงานล้นที่สุดที่เคยพบมาเช่นกัน และสาม เขายังเป็นคุณพ่อที่ภาคภูมิใจสุดๆ เวลาพูดถึงเด็กๆ ในรังของเขา
จีฮุนหยิกแก้มแวมไพร์ทุกตนที่เขาได้พบและแนะนำชื่อของพวกเขาให้วอนโฮได้รู้จักอย่างร่าเริง มันแปลก แต่ความสุขของจีฮุนได้แพร่มายังวอนโฮด้วยเพราะนั่นทำให้เขาหลุดยิ้มออกมา
"ผม-- ผมขอโทษจริงๆ ที่ต้องขัดนะครับ" วอนโฮพูดอย่างสุภาพในขณะที่จีฮุนกำลังหยิกแก้มแวมไพร์ที่เขาแนะนำว่าชื่อซอกมิน "แต่ผมมีธุระ และ--"
"โอ้ ใช่เลย" จีฮุนตอบ ปล่อยมือจากซอกมินและผายมือให้วอนโฮตามเขามา "มินฮยอกนอนเยอะมาก แม้กระทั่งตอนกลางคืน แต่เขายิ้มเก่งมากๆ เข้ากับที่นี่ได้ดี ช่างเถอะ ผมพูดมากไปแล้ว มาเถอะ"
วอนโฮค่อนข้างเห็นด้วยกับส่วนท้ายของประโยค เขาเดินตามจีฮุนขึ้นบันได้มาแล้วเดินไปตามทางเดิน บ้านหลังนี้ค่อนข้างเล็กกว่าบ้านของรังหลักที่โซล ดูเหมือนจะเป็นบ้านพักอาศัยมากกว่าและค่อนข้างกลมกลืนไปกับสิ่งแวดล้อม หรือบางที จีฮุนอาจจะไม่ได้สนใจของตกแต่งสไตล์เก่าๆ
พวกเขามาหยุดที่ประตูสุดทางเดิน จีฮุนเคาะประตู ยื่นหน้าเข้าไปใกล้แล้วพูด "มินฮยอก มีคนมาหาแหน่ะ! อยากคุยด้วยรึเปล่า?"
มีเสียงตอบกลับมา "ด-- ได้ครับ"
จีฮุนเปิดประตูแล้วเดินเข้าไป วอนโฮตามไปติดๆ เขาสบตากับแวมไพร์ที่นั่งอยู่บนเตียง
มินฮยอกอ้าปากค้าง "แม่งเอ๊ย คุณคือวอนโฮใช่มั้ย ผม-- เรา-- พวกเรามีประวัติคุณยาวมากๆ เลย ผมมีหน้าที่เป็นคนอัพเดทมันเอง"
วอนโฮยิ้ม เมื่อครู่เขาเห็นปฏิกิริยาของมินฮยอก นั่นสะกิดใจเขาเล็กน้อย "หวังว่าคุณคงทำได้ดีนะ เป็นไงบ้างล่ะ มินฮยอก?"
มินฮยอกก้มหน้ามองมือของเขา มันซีดขาว เส้นเลือดที่ตายไปแล้ว เก่าและกลายเป็นสีน้ำเงินอยู่ใต้ผิวหนัง เขาหยิบด้ายที่รุ่ยออกมาจากผ้าห่ม "ผ-- ผมสบายดี จีฮุนช่วยเหลือผมเยอะมาก มันเคยแย่... แต่ตอนนี้ผมสบายดี"
"จริงๆ" จีฮุนพูด ก้าวเข้ามาลูบหัวมินฮยอกเบาๆ "แต่ก่อนเขาร้องไห้บ่อยๆ น่าสงสาร ทำให้ความพยายามของฉันในการห้ามเขาฆ่าคนแทบจะสูญเปล่า ตอนนี้ ดูสิ น่ารักสดใส! เพราะฉันเองแท้ๆ" จีฮุนแสร้งทำเป็นปาดน้ำตา มินฮยอกยิ้มให้เขา
"ผมหมายถึง เขาก็ไม่ผิดหรอก" มินฮยอกพูด มองวอนโฮอีกครั้ง "ใครตามหาผมเหรอ? จริงๆ ผมไม่น่าถามเลยนะ"
วอนโฮพยักหน้า "เขาเกือบจะเสียงานไปแล้ว" เขาพูดเสียงเบา มินฮยอกถอนหายใจ
"เพราะผมคนเดียว มันแย่มาก ผมไม่-- ผมไม่รู้ว่าผมอยากเจอเขาไหม" เขาพูดขึ้นมาในที่สุด ตามองที่มืออีกครั้ง "ถ้าผมทำร้ายเขาล่ะ ผม-- ผมทนไม่ได้หรอก ผม..."
"ไม่ต้องเป็นห่วง" วอนโฮพูด และจีฮุนถือโอกาสนี้ถอยออกมา เขาเดินผ่านวอนโฮและปิดประตูห้องให้ "ผมเชื่อว่าคุณสามารถควบคุมตัวเองได้มากพอที่จะเจอกับมนุษย์ได้แล้ว คุณทานอาหารเพียงพอสำหรับความต้องการของแวมไพร์เกิดใหม่ และที่สำคัญ ถ้าคุณเชื่อมั่นในตัวเอง... คุณก็จะทำมันได้"
มินฮยอกหายใจสั่นๆ บางทีนั่นอาจจะเป็นนิสัยไปแล้ว "คุณคิดอย่างนั้นจริงๆ เหรอ?"
วอนโฮพยักหน้า เดินเข้ามานั่งที่เตียง ข้างๆ กับมินฮยอก เขาเห็นน้ำตาของคนตรงหน้า และเอื้อมมือไปเช็ดให้โดยอัตโนมัติ "กีฮยอนคิดถึงคุณ มากเลยด้วย เขาจะต้องมีความสุขแน่ๆ"
"พระเจ้า ผมเพิ่ง-- พระเจ้า คุณไม่เข้าใจ ผมไม่... ผมรู้สึก... อาย ผมอาย" มินฮยอกเอามือปิดหน้า กดปลายนิ้วลงที่เปลือกตา "ผมเรียนจบมาเป็นฮันเตอร์ด้วยคะแนนสูงสุดแล้วผมก็ละอายใจที่ตัวเองถูกฆ-- ฆ่า"
"คุณไม่ต้องอธิบายให้ผมฟัง" วอนโฮพูดเบาๆ "ผมคิดว่ากีฮยอนต่างหากที่สมควรจะฟัง เขารออยู่แน่ๆ รออย่างมีความหวัง รอมาเป็นปีแล้ว"
"ผมรู้สึกแย่มาก" มินฮยอกกระซิบ ยังคงเอามือปิดหน้า "ที่ผมไม่ได้ติดต่อเขาเพราะผมกลัวว่าเขาจะคิดว่ายังไง ผมแค่-- ผมอยากใช้ชีวิตต่อไป ผมคิดถึงเขาเหลือเกิน แต่ผมก็จะต้องก้าวต่อไป"
"ผมบอกไม่ได้หรอกนะว่าผมเข้าใจทั้งหมด แต่ก็พอจะเข้าใจอยู่บ้าง คงยากที่จะทำเป็นว่าทุกอย่างไม่มีอะไรทั้งที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ใช่ไหม?"
มินฮยอกพยักหน้า และเมื่อเขาเอามือออกจากใบหน้า มีเลือดอยู่ที่ปลายนิ้วของเขา "ผมไม่ชอบเลย" เขาพึมพำตอนที่เช็ดมือที่เปื้อนลงบนกางเกงของตัวเอง
"เดี๋ยวมันจะดีขึ้น" วอนโฮพูดยิ้มๆ ตอนที่มินฮยอกเงยหน้ามามองเขา "เดี๋ยวผมจะติดต่อกลับมา มินฮยอก หวังว่าจะเป็นในอาทิตย์นี้ กีฮยอนต้องทำงาน คุณก็น่าจะรู้ แล้วเขาก็มีความสัมพันธ์ไม่ค่อยดีกับหัวหน้าของเขาเท่าไหร่"
"ครับ ใช่ ผมรู้ว่าฮยอนอูค่อนข้างเคร่ง... ผมเข้าใจ ผมคิดว่าผมเองก็ต้องการเวลาเตรียมใจเหมือนกัน" มินฮยอกถอนหายใจออกมาอีกครั้ง เอนตัวลงพิงกับผนัง "ขอบคุณนะวอนโฮ ผม-- ขอบคุณ"
วอนโฮลุกขึ้น รู้สึกประหม่าเล็กน้อย "ผมไม่ชอบที่ตัวเองจะต้องรีบออกไปแบบนี้ แต่คุณก็น่าจะรู้--"
"เดี๋ยวก็เช้า" มินฮยอกพูดจบประโยคให้ด้วยรอยยิ้ม วอนโฮพยักหน้า
"ใช่ เดี๋ยวก็เช้าแล้ว ขอให้ปลอดภัยนะมินฮยอก"
"เหมือนกันนะ"
วอนโฮกลับออกมาและขอบคุณจีฮุนในระหว่างนั้น รีบออกไปก่อนที่จีฮุนจะทำให้บทสนทนามันยืดเยื้อไปมากกว่านี้ วอนโฮไม่อยากจะโกหก เขาต้องกลับก่อนที่พระอาทิตย์เริ่มจะขึ้น ไม่อย่างนั้นเขาจะลำบาก ป่วยเป็นสัปดาห์และผิวหนังไหม้ หรือแย่กว่านั้น
เขาตระหนักถึงการตามหามินฮยอกในระหว่างที่กำลังเดินไปตามถนน กระชับเสื้อโค้ทให้แนบกับตัวมากขึ้น ไม่ต้องเดาเลยว่ากีฮยอนจะต้องดีใจมากแน่ๆ แต่นั้นก็หมายถึงทั้งเขาและมินฮยอกทั้งคู่จะต้องเจอรับมือกับการก้าวต่อไปข้างหน้า ถ้าพวกเขาเลือกแบบนั้น วอนโฮไม่สามารถจินตนาการความเจ็บปวดที่ตามมาได้เลย การยังคงอยู่กับเพื่อนรัก แม้ว่าตัวเขาจะเปลี่ยนไปแล้ว หรือการหายตัวไปแล้วต่างคนต่างใช้ชีวิตต่อไป
วอนโฮถอนหายใจ เขาหวังว่าทุกอย่างจะต้องไม่เป็นไร
ติดแท็ก #moodswingstheseries ไว้สกรีมหรือคอมเม้นติชมได้เลยนะคะ :)
ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ